รีวิว Garmin Edge 550 | Edge 850 เครื่องคอมพิวเตอร์จักรยานรุ่นใหม่ที่ใครก็อยากได้
Sport For Lifeรีวิว Garmin Edge 550 | Edge 850 เครื่องคอมพิวเตอร์จักรยานรุ่นใหม่ที่ใครก็อยากได้

เปลี่ยนการปั่นจักรยานของคุณไปอีกขั้น
หลังจากที่ใช้ทั้ง Garmin Edge 550 และ Edge 850 มาหลายเดือน ปั่นไปทั้งถนนราบ ขึ้นเขา ลงดิน และทุกสภาพอากาศ วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากการใช้งานจริงให้เพื่อนๆ นักปั่นได้ฟัง ว่าทั้งสองรุ่นนี้แตกต่างกันยังไง คุ้มค่าไหม และเหมาะกับใครบ้าง
ทั้ง Edge 550 และ 850 เป็นเวอร์ชันขนาดกะทัดรัดที่นำเทคโนโลยีจากรุ่นท็อป Edge 1050 มาใส่ในตัวที่เล็กกว่า เบากว่า และราคาถูกกว่า แต่ก็ยังได้ฟีเจอร์เทพๆ มาเกือบครบ
ความประทับใจแรกพบ - หน้าจอสว่างจริงๆ
สิ่งแรกที่สังเกตได้เลยคือ หน้าจอสว่างมาก ขนาด 2.7 นิ้ว ความละเอียด 420 x 600 พิกเซล Garmin เปลี่ยนจากหน้าจอแบบ transflective มาเป็น transmissive LCD ทำให้สีสันสดใส อ่านแผนที่ชัดเจนแม้แดดจัด แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนคือแบตเตอรี่ลดลงจาก 25-30 ชั่วโมงของรุ่น 540/840 เหลือแค่ 12 ชั่วโมง (หรือ 36 ชั่วโมงในโหมดประหยัดแบต)

สำหรับผมที่ปั่นวันละ 2-3 ชั่วโมง ถือว่าโอเคครับ แต่ถ้าใครปั่นไกลหลายวันหรือทำ endurance race อาจต้องพกแบตสำรองหรือชาร์จระหว่างทาง
ความแตกต่างหลัก - ปุ่มกด vs. ทัชสครีน
นี่คือจุดที่ต้องตัดสินใจกันจริงๆ ว่าจะเลือกรุ่นไหน
Garmin Edge 550 (ราคา 15,890 บาท พร้อมฟิล์มกันรอย)

- ปุ่มกดเท่านั้น ไม่มีทัชสครีน
- เหมาะกับคนที่ชอบควบคุมแบบดั้งเดิม
- ใช้ได้ดีตอนใส่ถุงมือ ไม่กดพลาดตอนเส้นทางขรุขระ
- ทนฝนได้ดี
Garmin Edge 850 (ราคา 18,990 บาท)

- ทัชสครีน + ปุ่มกด ครบครัน
- ซูมแผนที่ได้ง่าย ปัดเปลี่ยนหน้าจอได้สะดวก
- ลำโพงในตัว พูดบอกเส้นทาง มีเสียงกริ่งจักรยานดิจิทัล
- Garmin Pay จ่ายเงินแบบไร้สัมผัส
- สร้างเส้นทางบนเครื่องได้ ไม่ต้องใช้แอปฯ
ประสบการณ์ใช้งานจริง
การนำทาง - ชัดเจนและแม่นยำ
แผนที่ที่โหลดมาให้ครอบคลุมทั้งถนน ลูกรัง และเส้นทางเสือภูเขา ระบบนำทางแม่นยำมาก บอกล่วงหน้าก่อนเลี้ยว และยังมีการเตือนว่าเส้นทางข้างหน้าเป็นถนนลูรังหรือไม่ สำหรับผมที่ชอบปั่นไปตามที่แปลกใหม่ ฟีเจอร์นี้ช่วยมาก

ที่ชอบมากคือ อัปเดตสภาพอากาศแบบ real-time เห็นทิศทางลม เห็นเรดาร์ฝน วางแผนได้ว่าควรหลบไปทางไหน
ฟีเจอร์เทรนนิ่ง - เหมือนมีโค้ชส่วนตัว

Garmin Cycling Coach ให้แผนการฝึกที่ปรับตามความสามารถของเรา ความต้องการของเส้นทาง และการฟื้นตัวของร่างกาย (ต้องใช้คู่กับ power meter และเซ็นเซอร์ชีพจร)
Smart Fueling Alerts คือเทพมากครับ บอกว่าควรกินคาร์โบกี่กรัม ดื่มน้ำกี่มิลลิลิตร โดยคำนวณจากความฟิต ความยากของเส้นทาง อุณหภูมิ และความชื้น ไม่ต้องเดาเอาเองอีกต่อไป
Power Guide ช่วยวางแผนการใช้กำลัง บอกว่าควรออกแรงเท่าไหร่ในแต่ละช่วง เหมาะสำหรับการแข่งหรือปั่นทางไกล รุ่นใหม่นี้คำนึงถึงระดับความสูงด้วย ถ้าไม่ชินกับพื้นที่สูงจะไม่บังคับให้ออกแรงหนักจนเกินไป
ความปลอดภัย - อุ่นใจทั้งตัวเอง และคนที่บ้าน
- Incident Detection: ถ้าเกิดอุบัติเหตุ จะส่งข้อความพร้อมตำแหน่งไปหาผู้ติดต่อฉุกเฉินอัตโนมัติ
- LiveTrack: ครอบครัวเพื่อนๆ ติดตามได้แบบ real-time
- Road Hazard Alerts: เตือนอันตรายที่นักปั่นคนอื่นรายงาน และเราก็แชร์กลับได้
- รองรับ Varia Radar: จับรถที่เข้ามาจากข้างหลัง
Edge 850 มีกริ่งดิจิทัลเสียงดังชัด ใช้เตือนคนเดินและนักปั่นคนอื่นได้สะดวกกว่าการตะโกน

GPS ที่แม่นยำขึ้น
ทั้งสองรุ่นอัปเกรดเป็น 5 Hz GPS recording บันทึกตำแหน่งถี่ขึ้น 5 เท่า ทำให้เส้นทางที่บันทึกได้แม่นยำกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะตอนลงดินดินที่เลี้ยวหักศอกบ่อยๆ
ตารางเปรียบเทียบแบบละเอียด
| คุณสมบัติ | Edge 550 | Edge 850 |
|---|---|---|
| ราคา | 15,890 บาท (พร้อมฟิล์ม) | 18,990 บาท |
| หน้าจอ | 2.7" LCD สี | 2.7" LCD สี พร้อมทัชสครีน |
| ความละเอียด | 420 x 600 พิกเซล | 420 x 600 พิกเซล |
| การควบคุม | ปุ่มกดเท่านั้น | ทัชสครีน + ปุ่มกด |
| น้ำหนัก | 110 กรัม | 113 กรัม |
| ขนาด | 54.6 x 92.2 x 16.8 มม. | 54.6 x 92.2 x 16.8 มม. |
| แบตเตอรี่ | 12 ชม. (36 ชม. โหมดประหยัด) | 12 ชม. (36 ชม. โหมดประหยัด) |
| กันน้ำ | IPX7 | IPX7 |
| หน่วยความจำ | 32 GB | 64 GB |
| ลำโพงในตัว | ✗ (เสียงบี๊ปเท่านั้น) | ✓ (พูด + กริ่งดิจิทัล) |
| Garmin Pay | ✗ | ✓ |
| สร้างเส้นทางบนเครื่อง | ✗ | ✓ |
| GPS/GNSS | 5 Hz | 5 Hz |
| แผนที่ | โหลดมาให้ | โหลดมาให้ |
| Garmin Cycling Coach | ✓ | ✓ |
| Smart Fueling Alerts | ✓ | ✓ |
| Power Guide | ✓ | ✓ |
| อัปเดตสภาพอากาศ | ✓ | ✓ |
| GroupRide | ✓ | ✓ |
| Timing Gates | ✓ | ✓ |
| Incident Detection | ✓ | ✓ |
| LiveTrack | ✓ | ✓ |
| Road Hazard Alerts | ✓ | ✓ |
| รองรับ Varia | ✓ | ✓ |
ข้อดีข้อเสีย
Edge 550
ข้อดี:
- ราคาถูกกว่า 3,000 บาท
- ปุ่มกดทำงานได้ดีในทุกสภาพ
- เบากว่ารุ่นที่มีทัชสครีน (นิดหน่อย)
- ได้ฟีเจอร์เทรนนิ่งหลักครบ
ข้อเสีย:
- ไม่มีทัชสครีน (การใช้งานบางอย่างช้ากว่า)
- ไม่มีเสียงพูดนำทาง
- ไม่มี Garmin Pay
- ต้องใช้แอปฯ ในการสร้างเส้นทาง
Edge 850
ข้อดี:
- ทัชสครีนตอบสนองไวมาก
- เสียงพูดนำทางชัดเจน
- กริ่งดิจิทัลมีประโยชน์จริง
- Garmin Pay สะดวกมาก
- สร้างเส้นทางได้ทันที
- หน่วยความจำ 64 GB
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่า 3,000 บาท
- ทัชสครีนอาจกดผิดตอนขรุขระ (แต่มีปุ่มสำรอง)
ข้อจำกัดที่ควรรู้
แบตเตอรี่
หน้าจอสว่างสวยแลกมาด้วยแบตเตอรี่ลดลงครึ่งหนึ่ง จาก 25-30 ชั่วโมง (รุ่น 540/840) เหลือเพียง 12 ชั่วโมง สำหรับผมที่ปั่นวันละไม่กี่ชั่วโมงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าปั่นไกลๆ ต้องชาร์จบ่อยขึ้นแน่นอน
ไม่มีรุ่น Solar
ไม่มีตัวเลือกชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์เหมือนรุ่นเก่า ถ้าต้องการปั่นหลายวันโดยไม่ชาร์จ อาจต้องพิจารณารุ่นอื่น
ควรเลือกรุ่นไหนดี?
เลือก Edge 550 ถ้า:
- ต้องการประหยัดงบ 3,000 บาท
- ชอบใช้ปุ่มกดแบบดั้งเดิม
- ปั่นในสภาพอากาศเลวร้ายบ่อยๆ (ฝนตก โคลนเยอะ)
- ปั่นใส่ถุงมือเป็นประจำ
- ไม่จำเป็นต้องมี Garmin Pay
เลือก Edge 850 ถ้า:
- งบเพิ่มได้อีก 3,000 บาท
- ชอบความสะดวกของทัชสครีน
- อยากได้เสียงพูดนำทาง
- ใช้ Garmin Pay บ่อย
- สร้างเส้นทางระหว่างปั่น
- ต้องการประสบการณ์ที่ทันสมัยที่สุด

เทียบกับ Garmin Edge 540 / 840 (รุ่นเก่า)
- แบตเตอรี่ยาวกว่า 2 เท่า
- หน้าจอมืดกว่า
- ขาดฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง
- ราคาถูกลงเรื่อยๆ (เป็นทางเลือกที่ดีถ้างบจำกัด)
สรุป: คุ้มค่าหรือไม่?
หลังจากใช้งานมาหลายเดือน ผมว่า Edge 850 คุ้มค่ากว่า สำหรับคนส่วนใหญ่ ส่วนต่าง 3,000 บาทให้คุณได้ทัชสครีน ลำโพง กริ่ง และ Garmin Pay ซึ่งทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมากๆ
แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบแบบดั้งเดิม ปั่นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย หรืออยากประหยัดงบ Edge 550 ก็ให้ฟีเจอร์หลักๆ ครบถ้วน ทั้งการเทรน การนำทาง และความปลอดภัย
ข้อจำกัดเรื่องแบตเตอรี่อาจทำให้บางคนลังเล แต่สำหรับผมที่ปั่นวันละไม่เกิน 3-4 ชั่วโมง ก็ยังรับได้ ส่วนใครที่ปั่นไกลบ่อยๆ ก็ต้องปรับตัวพกแบตสำรองหรือเปลี่ยนนิสัยชาร์จบ่อยขึ้น

คะแนนความพึงพอใจ:
ถ้ามีงบและอยากได้เครื่องที่ทันสมัยที่สุด แนะนำ Edge 850 เลยครับ แต่ถ้างบจำกัดหรือชอบแบบดั้งเดิม Edge 550 ก็ไม่ผิดหวังแน่นอน!
สนใจสอบถามและเป็นเจ้าของสินค้าจาก Prologo ได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายเปโลตอง จำกัด