เปิดตัว Specialized Tarmac SL8: One Bike to Rule Them All

Sport For Life

ปีที่แล้ว ปีที่แล้ว

วันนี้ 8 เดือน 8 Specialized จาก Headquater ได้เปิดตัว Tarmac SL8 ที่ยังคงคอนเซปต์ที่แข็งแรงและชัดเจนอย่าง One Bike to Rule Them All ที่แบบฉบับที่ SPECIALIZED ยืนกรานเลยว่า มันคือ Tarmac ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่สิ! มันคือเสือหมอบที่เร็วที่สุดในโลก บอกมาขนาดนี้ SPORT FOR LIFE ต้องพาทุกท่านมาลองมาดูกันว่ามีอะไรใหม่ใน Tarmac SL8 กันบ้าง?

Aerodynamics x Lightweight x Ride Quality = Fast

3 สมการนี้ เกิดจาก ความต้องการของนักปั่นทั่วโลก ที่อยากได้จักรยานที่มีความ "แอโร่ไดนามิค" ลู่ลมเร็วแรง,ต้องการเสือหมอบที่น้ำหนัก "เบา" และการปั่นที่ "ดีและสบาย" เพื่อ "ความเร็ว" ที่สุดในทุกเส้นทาง แล้วอะไรจะดีกว่า ที่นำความต้องการทั้งหมดมาอยู่ในเสือหมอบที่ไม่ใช่ 3 คัน แต่มันคือ "คันเดียว"

Aerodynamics

โดย TARMAC SL8 ออกแบบรูปทรง เฟรม ตะเกียบ องศาใหม่หมด โดยเด่นๆ คือ การออกแบบ the nose cone ที่เป็นการแหวกอากาศแบบเดียวกับจรวดหรือเครื่องบินหรืออาวุธที่ต้องใช้ความเร็วสูง โดย Specialized บอกว่าจากการทดสอบทั้งอุโมงค์ลมและลงสนามจริง Tarmac SL8 เร็วกว่า Tarmac SL7 ถึง 16 วินาทีในระยะทาง 40 กิโลเมตร และยังเร็วกว่าในสนาม Milan–San Remo กับฉายา The Spring classic ของโลกถึง 128 และสนาม The Col Du Tourmalet เป็น Dreamlist ของนักไต่เขาถึง 20 วินาที ซึ่งขึ้นแท่น "เสือหมอบที่แอโร่ที่สุดตั้งแต่มีมา" เป็นที่เรียบร้อย!

Lightweight

"685 กรัม" คือตัวเลขที่ออกมาของเฟรม S-WORKS TARMAC SL8 เบากว่า SL7 ถึง 15% ใน SIZE 56 แบบ Painted และ 10r Frames จะอยู่ที่ 780 กรัม และ Complete Bike

S-Works Tarmac SL8 12r Di2 - 6.6kg
S-Works Tarmac SL8 12r eTap - 6.8kg
Specialized Tarmac SL8 10r Pro eTap - 7.4kg
Specialized Tarmac SL8 10r Pro Di2 - 7.2kg
Specialized Tarmac SL8 10r Expert eTap - 7.7kg

Ride Quality

ไม่ใช่แค่ความแอโร่และความเบาที่เหนือกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประสิทธิภาพในการขี่ TARMAC SL8 ได้พัฒนาให้มีค่าความแข็งต่อน้ำหนัก 33% เมื่อเทียบกับ SL7 และสามารถซับหรือลดแรงสะเทือนเพิ่มความสบายในการขี่มากขึ้นอีก 6 % โดยจากกราฟ (รูปบน) และยังสามารถรองรับยางได้ใหญ่สุดถึง 32c

จะเห็นได้ว่า SL8 ให้การตอบสนองกับแรง Responsiveness ความเร็วในทางราบ (Speed On Flat) และความเร็วในการขึ้นเขา (Speed On Climbs) ได้ดีกว่า Venge และ Aethos โดยจากกราฟ Climb Grade (รูปกลาง) จะเห็นได้ว่า SL8 สามารถขึ้นเขาได้เร็วกว่า SL7 และ Venge ตั้งแต่ความชัน 0% หรือทางราบ จากการทดสอบในความชัน 10% SL8 ขึ้นทำเวลาได้น้อยกว่า SL7 16.2 วินาทีและ Venge ในเวลา 20.6 วินาที

และการทดสอบ Layup Iterations (รูปล่าง) ที่ทดสอบประสิทธิภาพของเฟรมจาก SPECIALIZED จะเห็นได้ว่า TARMAC SL8 Weight จะมีค่า Stiffness ที่กระโหลก , Headtube ,บริเวณหางหลัง และความสบายที่เกินเป้าหมาย แถมยังมีค่าน้ำหนักที่เบากว่าอีกด้วย โดยที่เทคโนโลยี Rider-First Engineered ที่ทำให้ทุกเฟรมและทุกขนาดคุณจะได้เฟรมที่มีค่ามาตรฐานและประสิทธิภาพเท่ากันในทุกเฟรม

Geometry

เท่ากับ Tarmac SL7 โดย SL8 จะรองรับชุดเกียร์ไฟฟ้าเหมือนกับ Aethos และ Venge เท่านั้น เพื่อเก็บสายเบรกและเกียร์ของเฟรมระบบใหม่ล่าสุดและสามารถใช้แฮนด์ Roval Rapide Cockpit เต็มระบบหรือ สเต็ม TARMAC SL7 กับแฮนด์เสือหมอบรุ่นทั่วไปใน ขนาด 31.8mm ไม่สามารถใช้สเต็มรุ่นอื่นได้

Roval Rapide Cockpit

นอกจากความเร็วแรงจาก TARMAC SL8 แล้ว ยังเปิดตัวแฮนด์ที่เร็วแรงแอโร่ที่สุดในนาม Roval Rapide Cockpit แฮนด์อินทิเกรทวัสดุ Premium High Modulus Carbon Fiber ที่ไม่ได้มาแค่ความสวยงามและลงตัวที่สุดกับ SL8 แต่ยังช่วยให้คุณเซฟวัตต์ได้ถึง 4 วัตต์ เมื่อเทียบกับแฮนด์และสเต็มระบบทั่วไป แถมยังเบาและ Stiff มาก แบรนด์การันตีจากผลงานแชมป์และผลงานมากมายจากทีมแข่งระดับโลกอย่าง bora hansgrohe และ Soudal Quick-Step Pro Cycling Team

Roval Rapide Cockpit Spec

Material : Premium High Modulus Carbon Fiber, Titanium Stem Bolts
Bend : 127mm drop x 75mm reach, 4 degrees of flare at the drops
Stem Angle : 6-Degrees, Stem Clamp Diameter: 31.8mm
Weight : 310 grams (100mm x 420mm)
Cable Routing : Shimano, SRAM, Campagnolo ( Internal / Electronic Compatible)
System Weight Limit : 275lbs / 125kg